www.zeedcondom.com

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของถุงยางอนามัย 15ข้อ

จงบอกประโยชน์ของถุงยางอนามัย15ข้อ


                      สื่อท้องถิ่นในเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกของจีนรายงานเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนว่า อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอฟเอ็นยูในฝูเจี้ยน ได้ออกข้อสอบให้นักศึกษาบอกประโยชน์ของถุงยางอนามัยอย่างน้อย 15 ข้อ ในการสอบปลายภาค วิชา "การวางแผนและความคิดสร้างสรรค์" ซึ่งทั้งลูกศิษย์และอาจารย์หลายคนชอบใจกับคำถามนี้เพราะท้าทายต่อมคิดอย่างยิ่ง อาทิ นักศึกษาคนหนึ่งแซ่เจิ้ง ที่เข้าสอบกล่าวว่าสนุกกับการทำข้อสอบ เพราะเป็นการวัดว่า ผมสร้างสรรค์พอหรือไม่ แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าจริงๆ แล้ว ถุงยางอนามัยอาจนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง
                      และเมื่อคำถามนี้ถูกนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ได้นำไปสู่การถกเถียงกันอย่างคึกคัก แถมได้คำตอบอีกมากมายจากชาวเน็ต อาทิ นำถุงยางอนามัยไปทำถุงขยะ ทุ่นลอยน้ำชูชีพ หนังสติ๊ก หรือรองเท้ายาง
                      ส่วนนายหวง กั๊วะ อาจารย์ผู้สอนและคิดข้อสอบ ได้ตอบคำถามผ่านทางเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์เว่ยป๋อว่า คำถามนี้ออกแบบมาเพื่อทดสอบความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็ยอมรับว่า เกิดปัญหากระอักกระอ่วนใจขึ้นในห้องสอบ เมื่อลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งบอกว่าไม่เคยเห็นถุงยางอนามัยมาก่อนเลย ตนต้องอธิบายให้ฟังว่าถุงยางมีหน้าตาอย่างไร
                      นอกจากคำถามเกี่ยวกับประโยชน์หลายสถานของถุงยางอนามัยแล้ว ยังมีคำถามให้นักศึกษาบรรยายว่า อยากจะออกข้อสอบให้อาจารย์ผู้สอนคณะนิเทศทำบ้างอย่างไรหากมีโอกาส นักศึกษาคนหนึ่งตอบว่า อยากขอให้อาจารย์ตอบคำถามเกี่ยวกับทฤษฎีลัทธิมาร์กซ์ และหากใครทำคะแนนได้ไม่ถึง 60 คะแนน จงบอกประโยชน์ของถุงยางอนามัย 30 ประการ เพื่อเป็นการลงโทษ...สร้างสรรค์ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์จริงๆ

www.zeedcondom.com

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สูญเสียเพื่อที่จะได้รับ

เศรษฐีคนหนึ่งต้องสูญเสียเงินทั้งหมดไปกับการค้า แถมยังเป็นหนี้สินอีกมาก เขาจึงต้องขายบ้านและรถ แต่ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด ในช่วงเวลาแห่งความยกจนข้นแค้นนั้น เขาต้องต่อสู้อย่างโดยเดี่ยว มีเพียงหมาแสนรักร่วมเผชิญชะตากรรมกับเขา
ในคืนที่หิมะตกหนัก เขาเดินทางไปหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาหลบหิมะเข้าไปในกระท่อมและใช้ไม้ขีดไฟจุดไฟขึ้นและเตรียมอ่านหนังสือ แต่บังเอิญมีลมพัดมาทำให้ไฟดับ รอบกายมีแต่ความืดมิด อดีตเศรษฐีตกอยู่ในความมืดอย่างเดียวดาย ทำให้มีความรู้สึกสิ้นหวังแว่บเข้ามาถึงกับจะฆ่าตัวตายแต่ยังดีที่มีหมาคู่ใจอยู่เคียงข้างคลอยเป็นเพื่อน จึงได้แต่ถอนหายใจและข่มตาหลับ
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาพบว่าหมาของเขาถูกฆ่าตายอยู่หน้ากระท่อม เขาก็มีความคิดอยากฆ่าตัวตายอีกครั้งเนื่องจากไม่มีอะไรต้องอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว เขาจึงกวาดตามองสรรพสิ่งบนโลกนี้เป็นครั้งสุดท้าย
เขาพบว่าทั้งหมู่บ้านเงียบจนน่ากลัว เมื่อเดินออกไปเรื่อยๆพบว่าคนในหมู่บ้านถูกฆ่าตายหมด ทำให้เดาได้ว่ามีโจรมาบุกปล้นเมื่อคืนและถูกฆ่าตายทุกคน  อดีตเศรษฐีจึงคิดได้ว่า ข้าเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของทีนี่ ถือว่าประเสริฐนักจึงควรมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้ข้าจะเสียสัตว์ที่แสนรักไป แต่ก็ได้ชีวิตกลับคืนมา นี่คือสิ่งที่ทดแทนอันล้ำค่าที่สุด

http://www.zeedcondom.com/

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ทำอย่างไร เมื่อถุงยางแตก

ถุงยางแตก จะทำอย่างไร
เรียน คุณอาหมอนพพรที่เคารพ 
ผมอายุ 25 ปี ผมยังไม่มีแฟนครับ เมื่อเร็ว ๆนี้ผมก็เพิ่งจะไปมีอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่ง ปัญหาของผมคือตอนที่สวมถุงยางอนามัย ไม่ทราบว่าผมจะใช้ถูกวิธีหรือไม่ ถุงยางถึงได้แตกตอนที่ผมกำลังร่วมเพศ ผมกังวลใจมากกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยอาจจะไปติดโรค จากผู้หญิงคนนั้นมาแล้วก็ได้ ผมก็เลยอยากจะขอปรึกษาอาหมอดังนี้ 

1. ผมอยากรู้วิธีการใช้ถุงยางคร่าว ๆ ครับ ผมคิดว่าผมทำถูกวิธีแต่ทำไมถุงยางถึงแตกได้เป็นไปได้ไหมครับว่าถุงยางหมดอายุ แล้วการที่ถุงยางที่ผมใส่แตกขึ้นมาผมจะมีโอกาสติดโรคได้ไหมครับ ถ้าผู้หญิงเป็นโรคอยู่ก่อน 

2. ผมอยากทราบอาการของต่อมลูกหมากโตครับ ว่าเป็นอย่างไร ถ้าผมปัสสาวะไม่ค่อยออกบ่อย ๆ จะถือว่าเป็นต่อมลูกหมากโตได้ไหมครับ ถ้าไม่ใช่แล้วผมเป็นโรคอะไรครับอาหมอ จะมีวิธีรักษาได้หรือไม่

ตอบ คุณ ม. 
คุณอายุ 25 ปี ยังไม่มีแฟน คุณได้ไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เพื่อนแนะนำ คุณได้ใช้ถุงยาง อนามัยเพื่อเป็นการป้องกัน ตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับที่รู้จักป้องกันเพื่อความปลอดภัยทั้งตนเองและผู้อื่น แต่ว่าคุณโชคไม่ดีที่ถุงยางอนามัยที่ใช้เกิดขาดขึ้นมา ทำให้คุณกังวลใจมากกลัวจะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากผู้หญิงคนนั้นมา 

คำถามของคุณผมขอตอบให้ดังนี้ 

1. ผู้ชายเมื่อคิดจะมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย คือ กับผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยา สิ่งแรกที่ควรคำนึงคือเรื่องความปลอดภัยทั้งจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ เป็นต้น การสวมถุงยางอนามัยถ้าสวมไม่ถูกวิธี หรือถุงยางอนามัยไม่ได้มาตรฐาน หมดอายุ ก็อาจจะทำให้มีปัญหาถุงยาง อนามัยแตก รั่วได้ ทำให้มีโอกาสที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ถ้าอีกฝ่ายเป็นโรคอยู่ก่อน จึงต้องตรวจดูและระมัดระวังให้มากเวลาใช้ วิธีใช้ถุงยาง อนามัยคร่าว ๆ เราจะสวมถุงยางอนามัยเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่แล้ว เริ่มจากการฉีกถุงยางด้วยมือ พยายามระมัดระวังอย่าให้ขาดด้วยการไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัดออก หรือแม้แต่เล็บของเราก็ทำให้มีปัญหาเกิดการฉีกขาดได้ เมื่อฉีกถุงยางแล้วให้บีบกระเปาะส่วนปลายของถุงยางอนามัยให้แบนเพื่อที่ว่าเมื่อมีการหลั่ง จะสามารถรองรับน้ำอสุจิได้ไม่แตกขาดเมื่อไปกระทบกับมดลูกขณะมีกิจกรรม เมื่อฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิแล้วควรขยับตัวออกมาไม่ปล่อยทิ้งไว้นานเนื่องจากหากนานเกินไปอวัยวะเพศจะอ่อนตัวทำให้ถุงยางอนามัยหลุดอยู่ในช่องคลอดได้ หากกังวลว่าถุงยางจะแตกสามารถสวมถุงยางทับอีกชั้นหนึ่งได้ครับ 

2. อาการต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hypertrophy ; BPH) มักพบในชายสูงอายุ เกิน 50 ปีขึ้นไป ในคนหนุ่มเช่นคุณโอกาสที่จะเป็นแทบจะไม่มีเลยครับ ปกติต่อมลูกหมากจะมีขนาดราว ๆ ลูกหมากธรรมดา อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะ เมื่อโตขึ้นมาก ๆ จะไปปิดกั้นทางเดินปัสสาวะ บางครั้งกดกระเพาะปัสสาวะทำให้ถ่ายปัสสาวะออกไม่หมด ปัสสาวะบ่อยขึ้น ปัสสาวะไหลช้า และไหลเป็นหยด ขณะหยุดถ่าย อาจมีการแสบร้อนร่วมด้วย ถ้ามีอาการปิดกั้นมากขึ้นอาจทำให้ปัสสาวะไหลกลับไปยังไตและทำให้ไตเสียหายได้ นอกจากนี้ต่อมลูกหมากอาจเกิดการอักเสบจากเชื้อต่าง ๆ ได้ เช่น เชื้อหนองใน หรืออาจเกิดเป็นมะเร็งที่ต่อมลูกหมากในวัยสูงอายุก็ได้ การป้องกันที่ดีคือไม่สำส่อนทางเพศ และควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย เช่น เวลาไปเที่ยวผู้หญิงบริการ เป็นต้น คุณอาจจะมีการอักเสบที่ท่อปัสสาวะก็เป็นได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาจะดีที่สุดครับ 
Q : โอกาสถุงแตกมีมากขนาดไหน
A : เคยคุยกับทาง dealer ของ phizer durex
เขาตอบมาว่า โอกาสถุงยางขาดมีน้อยกว่า 1% โดยให้คิดเป็นครั้งๆ

หมายถึงว่า ไม่ใช่ 1% ที่แบบ มี Sex 100 ครั้ง โอกาสขาด 1 ครั้ง
แต่ให้คิดว่าคุณมีโอกาสที่ถุงยางจะขาดแค่ 1 ใน 100 ใน Sex แต่ละครั้งเท่านั้นเอง

เจอบทความดีๆ ครับ เลยนำมาเป็นความรู้ฝากเพื่อนๆ ครับ

แฟนผมมีความกังวลครับ ถามจิกผมหลายวันแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปสอบถามใคร รบกวนช่วยผมหน่อยนะครับ ผมจะได้เอาพื้นฐานคำตอบของพี่วัยใส ไปบอกให้เขาเข้าใจนะครับ เพราะผมก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ ผมมีอะไรกันกับแฟนครับ มีอะไรกันจริงๆ แต่ก็ใช้ถุงยางอนามัยนะครับ แฟนผมเป็นคนใส่ให้ แต่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ผมกับแฟนก็เล้าโลมกันก่อน จนผมมีน้ำหล่อลื่นหลั่งออกมา ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติครับ หลังจากเล้าโลม และใส่ถุงยางอนามัย ผมก็จะสอดใส่ แต่มันเป็นครั้งแรกของแฟนผมครับ ช่องคลอดของเธอจึงค่อนข้างเล็ก หรือพูดง่ายๆว่าสอดใส่ไม่เข้าครับ จนสารหล่อลื่น บริเวณผิวนอกของถุงยางอนามัยแห้งไปเลยครับ รู้สึกว่าแฟนผมก็กล้าๆกลัวๆ ช่องคลอดของเธอก็แห้งไปเหมือนกัน พยามสอดใส่ ไปสักห้าถึงหกครั้ง ก็ไม่สามารถสอดใส่เข้าไปได้ เพราะต่างคนต่างไม่มี สารหล่อลื่นแล้วครับ คือพยามดันเข้าไปทั้งที่ยังแห้ง ห้าถึงหกครั้ง ก็เลิกไป ยกแรก ต่อมา แฟนผมก็บอกให้ผมลองเอาถุงยางอนามัยมาเปลี่ยนใหม่ ผมก็ถอดของเก่าออก แล้วแฟนผมก็ใส่อันใหม่ให้ แต่ตอนถอดออกนี่แหละครับน้ำหล่อลื่นของผมมันยังมีอยู่ภายในถุงยางอนามัยอันเก่าหรือติดอยู่บริเวณองคชาติของผม(แฟนผมบอกมาแบบนี้ เห็นเขาบอกว่าเขาเห็น) ผมก็ สัมผัสไปก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็ใช้มือนั้น ใช้นิ้วให้เธอเพื่อเปิดทาง ก็คือประเด็นของปัญหาเลยครับ ประเด็นแรก แฟนผมถามว่า ไอน้ำที่มันใสๆเนี่ย ถ้ามันติดมือผมช่วงเปลี่ยนถุงยางอนามัยแล้วไปทำให้เขา จะเป็นอะไรไหม ผมก็ตอบไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรตอนนั้น ต่อมาผมก็ลองสอดใส่ห้าถึงหกครั้ง ก็ยังไม่เข้าครับ แห้งเหมือนครั้งก่อนทุกอย่าง ทั้งสองฝ่าย แฟนผมก็เลยบอกว่าเจ็บ ผมก็เลยเลิกกิจกรรมนี้ไปเลย แฟนผมก็ช่างสังเกตจริงๆหรืออาจจะเป็นครั้งแรกของเขา เขาจึงกังวล ผมก็ไม่รู้ เขาจึงถามผมอีกคำถามหนึ่งสั้นๆว่า ถุงยางจะแตกไหม เสียดสีกันแห้งๆ แต่ก็มาถามมตอนหลังเลิกกิจกรรมนี้ไปแล้ว ผมก็เอาถุงยางทิ้งไปแล้ว ผมว่าจะลองใส่น้ำให้เธอดูหน่อย ก็ไม่ทันแล้ว ผมก็เลยไม่พูดอะไร พูดสั้นๆว่า มันเหนียวกว่ายางรถยนต์อีก ผมจึงเปลี่ยนวิธี มาให้เธอใช้มือให้ผมจนเสร็จ หลังจากเสร็จ ก็ใช้น้ำล้างมือพอเปียกๆเช็ดพอหมาดๆ นอนพักไปสัก20นาที ติ่นขึ้นมา ผมก็ไปใช้นิ้วให้เธออีก เธอก็ถามผมว่า ล้างมือหรือยัง ผมก็บอกว่า ล้างพอเปียกๆ เธอก็ถามอีกครับ ว่าจะเป็นไรไหม ถ้ามือผมไปติดน้ำอสุจิของผม ผมก็บอกเธอไปว่า ล้างมานิดหน่อย แต่ก็นอนพักไปตั้งยี่สิบกว่านาที มันคงเดี้ยงไปหมดแล้ว เธอก็เหมือนจะเข้าใจ แต่พอผ่านมาอีกวัน ก็มาบอกผมว่ารู้สึกค่อนข้างกังวล เหมือนที่ผมถามไปแหละครับสามประเด็นตัวอักษรแดงอะครับ ผมก็ตอบไม่ได้ แต่ผมก็รู้สึกผิด ผมเลยบอกเธอไปว่า เดี๋ยวจะลองไปถามผู้รู้มาให้ ไม่ต้องกังวล..... ตามความคิดผม ผมคิดว่า คงจะเป็นครั้งแรกของเขา แปลกไหมครับ ถ้าฝ่ายหญิงจะกังวลแบบเรื่องที่ผมคิดว่ามันเล็กๆน้อย เพราะผมก็บอกโดยภาพรวมไปแล้วว่า ใช้ถุงยางอนามัยแล้วนะ สอดใส่ก็ไม่เข้าด้วย มากสุดอาจจะได้แค่หัวอวัยวะเพศ หรือตอนใช้นิ้วก็คงไม่มีปัญหาอะไร แฟนผมก็ตอบกลับมาอีกว่า คิดลวกๆแบบนี้ ไม่เป็นผู้หญิงคงไม่รู้ โดนเลยผม ฟังๆไปอาจจะดูขำๆนะครับ แต่ผมควรจะบอกแฟนผมอย่างไรดีครับ ถ้พี่วัยใสเป็นผม เพื่อให้เขาสบายใจ ประเด็นหลักๆคือ แฟนผมกังวลเรื่องน้ำหล่อลื่น แฟนผมกังวลเรื่องถุงยางอนามัยจะขาด แฟนผมกังวลเรื่อง20นาทีแล้วมาใช้นิ้วให้เขา รบกวนหน่อยนะครับ ช่วยผมด้วย

พี่วัยใสขออนุญาตตอบเป็นข้อๆดังนี้ค่ะ
1). น้ำที่แฟนคุณpasoontaraกังวล ซึ่งเห็นติดอยู่ที่องคชาตนั้นเป็นเพียงน้ำหล่อลื่นที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ชายและผู้หญิงเกิดอารรมณ์ทางเพศ ซึ่งไม่ใช้น้ำอสุจินะคะ โอกาสท้องจึงไม่เกิดขึ้นค่ะ
2). ถุงยางอนามัยค่อนข้างขาดยากอยู่แล้วค่ะ เว้นเสียแต่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์และการเสียดสีที่รุนแรงอันนี้เสี่ยงขาดได้นะคะ(แต่เกิดขึ้นได้น้อยมากๆค่ะ) และคุณpasoontaraบอกแฟนไปเลยค่ะว่า คุณไม่ได้มีการหลั่งแต่อย่างใดในขณะที่ใส่ถุงยางและพยายามสอดใส่ ดังนั้นโอกาสท้องจึงเกิดขึ้นได้ยากหรือเกิดขึ้นไม่ได้เลยค่ะ
3). ส่วนเรื่องที่แฟนคุณกลัวว่ามือของคุณจะเปื้อนอสุจิ และหลังจากผ่านไป20นาที ก็ได้มาใช้นิ้วกับแฟน ในกรณีนี้เท่าที่พี่วัยใสได้อ่านคุณpasoontara ได้ให้แฟนใช้มือช่วยจนเสร็จไม่ใช้หรือค่ะ ดังนั้นอสุจินั้นก็น่าจะติดที่มือแฟนคุณมากกว่านะคะ แต่หากอสุจิจะติดมือคุณpasoontaraจริงๆ แต่ก็ได้มีการล้างมือแล้ว และผ่านไปตั้ง20นาทีแล้วก่อนจะใช้นิ้วช่วยแฟน แบบนี้อสุจิไม่รอดแล้วล่ะจ้า...^_^

แต่หากแฟนคุณpasoontaraยังไม่สบายใจ จะลองให้ซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจดูก็ได้นะคะ โดยสามารถตรวจได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว2-3อาทิตย์ค่ะ...^_^

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เปิดตำนานถุงยางพันปี

เปิดตำนานถุงยางพันปี กรรมวิธีลับ...สุดยอด!!!
ทุกครั้งที่ใช้ถุงยางอนามัย เคยคิดบ้างไหมว่า วัตถุชิ้นเล็กๆ ที่ใช้เป็นเครื่องป้องกันโรคและเป็นเกราะกำบังสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตรนั้น มีที่มาและที่ไปอย่างไร เพราะกว่าที่จะกลายมาเป็นถุงยางอนามัยนั้น เส้นทางการผลิตล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความยุ่งยากและมีความลับซุ กซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก
      
"ถุงยางอนามัย" ไม่ใช่ของแปลกใหม่แห่งศควรรษที่ 20 ประวัติความเป็นมาสามารถนับย้อนหลังไปได้หลายร้อยหลายพันปีเลยทีเดียว        หากถามว่า รู้จัก "ถุงยางอนามัย"หรือไม่
       ร้อยทั้งร้อยคงต้องตอบว่า “รู้จัก” ยิ่งเป็นสุภาพบุรุษด้วยแล้วละก็ย่อมต้องเคยได้ใช้กันบ้างไม่มาก ก็น้อย ยิ่งในยุคที่โรคเอดส์ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่คร่าชีวิตพลเมืองโ ลกไปเป็นจำนวนมหาศาล ถุงยางอนามัยยิ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบุรุษเพศที่ชื่นชอบในก ามกรีฑาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่สัดส่วนการใช้ถุงยางในธุรกิจบริการทางเพศยังคงมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 70%
      
       “ถุงยางอนามัย” ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 10-20 ปี บอกไปแล้วอย่าเพิ่งตกใจวิธีการคุมกำเนิดที่เก่าแก่ที่สุดแบบหนึ่งนี้ มีประวัติความเป็นมาที่สามารถนับย้อนหลังไปได้หลายร้อยหลายพันปีเลยทีเดียว
      
       เท่าที่ได้มีการบันทึกเอาไว้ ถุงยางอนามัยปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกในราว 807-677 ปีก่อนคริสตกาล โดยชายชาวอียิปต์ในสมัยโบราณสวมปลอกประเภทนี้เอาไว้เพื่อป้องกั นการติดเชื้อ การบาดเจ็บและการถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
      
       จากนั้นถุงยางอนามัยก็ได้มีการวิวัฒนาการมาเป็นลำดับ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เข้ามาช่วยปรับปรุงการผลิตถุงยางอนามัยให้มีความทันสมัยขึ้น กว่า ที่บรรพบุรุษเคยใช้เป็นอย่างมาก
      
         
       เทคโนโลยีการผลิตเหล่านี้ ผู้ผลิตแต่ละค่ายต่างหวงแหนและถือเป็น "ความลับทางการค้าขั้นสุดยอด" ที่ต้องปกปิดเอาไว้ไม่ให้รั่วไหลออกไปสู่ภายนอกโดยเด็ดขาด ชนิดที่เรียกว่ายิ่งกว่าไข่ในหินเลยก็คงจะว่าได้ เพราะมิฉะนั้นแล้วอาจนำไปสู่การลอกเลียน แบบและสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับทางบริษัทได้
      
       ด้วยเหตุนี้ ระเบียบปฏิบัติในการเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตถุงยางอนามัยแต่ละแห่ง จึงถูกกำหนดเอาไว้อย่างรัดกุม เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ครองความเป็นเจ้าตลาดของสินค้าประเภทนี้ ต้องทำเรื่องขออนุญาตไปที่บริษัทแม่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ล่วงหน้าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ ก่อนที่บุคคลภายนอกจะได้รับการอนุมัติให้เข้าเยี่ยมชมเทคโนโลยี การผลิตถุงยางอนามัยเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยเงื่อนไขที่ว่าห้ามถ่ายรูปภายในโรงงานเป็นอันขาด
      
       จริงๆ แล้วในทุกขั้นตอนการผลิตล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความลับตลอด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสูตรน้ำยางที่คิดค้นและพัฒนามา หรือแนวองศาในการเอียงของแท่งแก้ว เรื่องภาพถ่ายจึงต้องควบคุมอย่างเข้มงวด เนื่องจากถ้าภาพถูกเผยแพร่ออกไป ผู้ผลิตรายอื่นที่มีปัญหาและยังแก้ไขไม่ตก เขาเห็นภาพเพียงแค่นิดเดียว เขาก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ในทันที
      
       นอกจากความลับที่ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวดแล้ว กระบวนการผลิตของถุงยางอนามัยยังเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน มิหนำซ้ำยังต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายเช่นกัน เพราะฉะนั้นกว่าที่ถุงยางอนามัยแต่ละชิ้นจะหลุดออกมาให้เราๆ ท่านๆ ได้ใช้นั้น จึงไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายที่เพียงแค่เอาแท่งแก้วสำหรับขึ้นรูปจุ่มลงไปในน้ำยาง อบให้แห้งก็สามารถนำมาใช้งานได้แล้ว
      
       การเดินทางของถุงยางหนึ่งอัน
      
       กระบวนการผลิตถุงยางอนามัยเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ในสวนยางพารา ก่อนที่จะมีการส่งยางดิบเข้ามาที่โรงงาน จะต้องมีการนำตัวอย่างมาตรวจสอบเสียก่อน ถ้าตัวอย่างดังกล่าวไม่ผ่านการตรวจสอบ ก็จะไม่รับยางในครั้งการผลิตนั้นเข้าสู่โรงงาน
      
       กรณีที่ผ่านการตรวจสอบจะมีการกำหนดรหัสประจำครั้งซึ่งจะเป็นรหั สประจำตัวที่ใช้ในทุกขั้นตอนการผลิต จากนั้นส่วนผสมต่างๆ ที่เป็นสูตรจะถูกนำมาผสมกับน้ำยางดิบ เพื่อให้ยางมีความคงตัวและทนทาน หลังจากที่ใช้เวลาบ่มตัวไม่น้อยกว่า 10 วันเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีอย่างสมบูรณ์ ซึ่งส่วนผสมนี้จะถูกนำไปใช้ในขั้นตอนการผลิตต่อไป
 
ถัดมาคือขั้นตอนการ "จุ่มขึ้นรูป" ขั้นตอนนี้จะต้องทำภายในห้องปลอดฝุ่นละออง ซึ่ง ติดตั้งระบบกรองอากาศไฟฟ้าสถิต โดยแท่งแก้วสำหรับขึ้นรูปที่เรียงต่อกันเป็นแถวจะค่อยๆ เคลื่อนตัวลงจุ่มในถังที่มีส่วนผสมน้ำยางธรรมชาติที่ต้องควบคุม อุณหภูมิให้เหมาะสม
      
       แท่งแก้วแต่ละแท่งจะหมุนไปรอบๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ส่วนผสมนี้กระจายตัวติดแท่งแก้วด้วยความหนาเท่าๆ กันทั้งชิ้น จากนั้นแท่งแก้วจะเคลื่อนตัวผ่านเข้าตู้อบอินฟราเรดเพื่อให้น้ำ ยางแห้ง
      
       เมื่อออกจากตู้อบ แท่งแก้วจะต้องจุ่มน้ำยางอีกเป็นครั้งที่สอง เพื่อให้ถุงยางอนามัย มีความหนาและทนทานเพียงพอ และเมื่ออบแห้งครั้งที่สองแล้วแท่งแก้วจะเคลื่อนที่ผ่านแปรงขนนุ่มที่ทำหน้าที่ม้วนขอบถุงยาง ก่อนที่จะผ่านเข้าสู่ตู้อบครั้งสุดท้ายเพื่อให้สารประกอบต่างๆ ในส่วนผสมน้ำยางธรรมชาติทำปฏิกิริยากันอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งทำให้ชั้นของ น้ำยางธรรมชาติที่เกิดจากการจุ่มครั้งที่สองหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
       หลังจากนั้น แท่งแก้วจะผ่านขั้นตอนการล้างน้ำที่ผสมสารเคมีเพื่อให้ถุงยางอนามัย ลื่นหลุดออกได้โดยง่าย เมื่อขั้นตอนการขึ้นรูปเสร็จเรียบร้อย ในระหว่างนั้นถุงยางจะถูกนำไปล้างสารเคมีต่างๆ ให้หลุดออกจากผิวยางถุงยางอนามัยให้หมด พร้อมทั้งใส่แป้งเข้าไปเพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน เมื่อล้างเสร็จก็จะนำไปเข้าตู้อบให้แห้งต่อไป ขณะเดียวกันถุงยางบางส่วนจะถูกสุ่มตัวอย่างเพื่อนำมาตรวจสอบคุณ ภาพใน 3 ส่วนด้วยกันคือ ตรวจความรั่ว ทดสอบแรงดันอากาศและทดสอบความทนทาน
      
       พนักงานจะสุ่มตัวอย่างบางส่วนมาตรวจความรั่วด้วยการเติมน้ำเข้า ไป 300 ซีซี แขวนทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที แล้วนำมาคลึงบนกระดาษสีซับน้ำ ถ้าถุงยางเกิดรอยรั่ว จะสามารถสังเกตุเห็นรอยน้ำรั่วซึมบนกระดาษสีได้ชัดเจน จากนั้น ถุงยางก็จะถูกส่งต่อไปยังส่วนที่ทำการทดสอบแรงดันอากาศ อากาศจะถูก อัดเข้าไปในถุงยาง โดยมาตรฐานกำหนดเอาไว้ว่าจะต้องทนแรงอัดอากาศได้ไม่ต่ำกว่า 18 ลิตรก่อนที่จะระเบิดแตกออก
      
       บางส่วนจะนำไปทดสอบความทนทาน ด้วยการยืดชิ้นส่วนถุงยางอนามัยที่ตัดเป็น ชิ้นกว้างประมาณ 20 มิลลิเมตร ชิ้นส่วนถุงยางจะต้องยืดออกได้ยาวถึง 8 เท่าของความ ยาวปกติก่อนที่จะขาด

ก่อนที่จะนำถุงยางมาบรรจุกล่องในขั้นตอนสุดท้าย ถุงยางทุกชิ้นที่ผลิตได้จะต้องผ่านการตรวจสอบด้วยเครื่องอิเล็ก ทรอนิกส์ เพื่อตรวจหารอยรั่วหรือสิ่งผิดปกติอื่นๆ ถุงยางแต่ละชิ้นจะถูกครอบลงบนแท่งโครเมียม จากนั้นจะปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงดันสูงขนาด 2,000 โวลต์เข้าไปสู่แท่งโลหะนี้ และจะมีสัญญาณเตือนให้ทราบเมื่อถุงยางอนามัยชิ้นใดชิ้นหนึ่งมีร อยรั่วหรือสิ่งผิดปกติ ซึ่งถุงยางอนามัยชิ้นนั้นจะถูกแยกออกมาต่างหากเพื่อคัดทิ้งต่อไ ป
      
       อย่างไรก็ตาม แม้กระบวนการตรวจสอบคุณภาพจะดำเนินไปอย่างละเอียดถี่ถ้วนขนาด ไหนก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าถุงยางอนามัยทุกชิ้นจะสมบูรณ์แบบและปลอดภัย 100% เพราะจาก ข้อมูลที่ทางบริษัทผู้ผลิตบันทึกเอาไว้เปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของรูรั่ว
      
       จากนั้นถุงยางอนามัยที่ตรวจสอบคุณภาพแล้วจะถูกนำไปบรรจุฟอยล์แล ะเติมสารฆ่าเชื้อหรือกลิ่นต่างๆ เป็นขั้นตอนสุดท้าย ปกติทั่วไปแล้วมาตรฐานของอย.กำหนดเปอร์เซ็นต์การรั่วเอาไว้ที่ 0.25%
      
       จะเห็นได้ว่ากว่าที่จะมาเป็นถุงยางแต่ละชิ้นนั้นเต็มไปด้วยความ ลับและความยุ่งยาก อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ใช้เองก็ต้องมีความระมัดระวังและใช้ให้ถูกวิธีเช่นกัน เพราะมิฉะนั้นแล้วแม้สินค้าจะมีคุณภาพมากมายสักเพียงใด แต่ถ้าผู้ใช้ใช้ไม่เป็นแล้ว อันตรายก็ย่อมอาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญคือต้องพึงสังวรณ์เอาไว้ว่า ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามา รถคุมกำเนิดหรือป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสั มพันธ์ได้ 100%

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถุงยางไซส์ 54 เพื่อชายไทยสมัยใหม่

กรมควบคุมโรคฟ้องบประมาณจัดซื้อถุงยางป้องกันเอดส์ไม่พอกับความต้องการ  ชี้ปีหนึ่งต้องการใช้ 230 ล้านชิ้น แต่ สธ.-สปสช.จัดหาได้แค่ 40 ล้านชิ้น  เผยต้องเพิ่มขนาด 54 มม.ด้วยเหตุขนาดชายไทยไซส์ใหญ่ขึ้น
วันนี้(26 มิ.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2555 - 2559 ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 43,040 ราย ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จะใช้มาตรการเร่งรัดการเข้าถึงถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่คู่ของตนเองให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และรณรงค์ให้ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมาตรวจเลือด หากติดเชื้อจะได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ และไม่ผู้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า คาดว่าความต้องการใช้ถุงยางอนามัยของคนไทยทั่วประเทศมีปีละประมาณ 230 ล้านชิ้น แต่ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สามารถสนับสนุนได้เพียง 40 ล้านชิ้น ส่วนที่เหลือประชาชนซื้อใช้เองและไม่ใช้ถุงยางอนามัยซึ่งขณะนี้งบประมาณที่จะจัดซื้อไม่เพียงพอกับความต้องการจึงจำเป็นต้องหาเครือข่ายสนับสนุนถุงยางอนามัยเพิ่มเติมจากองค์กรภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาถุงยางอนามัยแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในท้องที่ของตนเอง และขอความร่วมมือประชาชนซื้อถุงยางอนามัยใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ อย่าอาย ในแง่งบประมาณการสนับสนุนถุงยางอนามัย เป็นการลงทุนที่น้อยมาก เพาะหากติดเชื้อเอชไอวีต้องใช้เงินมากในการรักษาตนเองไปตลอดชีวิต รัฐบาลต้องเสียงบประมาณเพื่อการรักษามากมายหลายเท่า
นพ.พรเทพ กล่าวด้วยว่า กรมควบคุมโรคมีโครงการให้ความรู้ในการใช้ถุงยางอนามัยแก่เด็กนักเรียนชายระดับมัธยมศึกษา และอาชีวศึกษา สำหรับกลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป และมีบริการเข้าถึงถุงยางอนามัย โดยตั้งจุดรับบริการถุงยางอนามัยในสถานบันเทิง คลินิกกามโรค และเพิ่มขนาดของถุงยางอนามัยจาก 2 ขนาด เป็น 3 ขนาด คือ 49 มม. 52 มม.และ 54 มม. เพื่อตอบสนองเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ถุงยางอนามัย
“เหตุที่ต้องจัดหาถุงยางอนามัยขนาด 54 มม.เนื่องจากปัจจุบันคนไทยสูงเกิน 170 ซม. น้ำหนักเกิน 70 กก.มีมากขึ้น ใช้ขนาดเดิมไม่ได้แล้ว ดังนั้นวัยรุ่นไปจนถึงอายุ 30 ปีต้องใช้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพราะถ้าใช้ขนาดเล็กอาจรัดเกินไป ก็เหมือนใส่เสื้อคับไปทำให้อึดอัดก็ต้องใช้เสื้อขนาดใหญ่ขึ้น” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว.
สนใจซื้อถุงยางได้ที่ : http://www.zeedcondom.com/

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ไม่กล้าซื้อถุงยาง ทำไงดี


               ปัจจุบันคนเราเวลาจำเป็นต้องใช้ถุงยาง จะมีหลายเหตุผลที่ทำให้ไม่กล้าซื้อถุงยาง ซึ่งการซื้อถุงยางนั้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อฝ่ายหญิง และในปัจจุบันการซื้อถุงยางนั้น ก็ทำได้หลายช่องทางมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการหยอดตู้ หรือซื้อตามร้านขายยา 7-Eleven และผ่านทาง Internet ซึ่งวิธีที่นิยม กันช่วงนี้คือซือถุงยาง ผ่านทาง Internet เพราะทำให้เราไปต้องไปซื้อโดยตรง และสามารถรอรับของได้ที่บ้านเลย และร้านขายถุงยาง ทาง Internet เดี๋ยวนี้ ก็มีราคาถูกมากและรักษาความลับของลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ตลาดการขายถุงยาง ผ่าน Internet ช่วงนี้ที่ผ่านมามีการเติบโตมากขึ้น
               การซื้อถุงยางผ่านร้านทาง Internet คนส่วนมากจะกลัวเรื่องการหลอกลวง หรือว่าโอนเงินไปแล้วจะได้ของหรือไหม แต่ทางร้านก็มีวิธีการขายหลายแบบที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่าน่าซื้อ
ซึ้งการซื้อถุงยางผ่าน Internet นั้น จะมีผลดีอีกอย่างคือเราจะมีเวลาเลือกดูสินค้าที่ต้องการ ได้หลายอย่าง ซึ่งต่างกับซื้อตามร้านทั่วไป คนส่วนมากจะรีบซื้อ รีบจ่ายเงิน ทำให้ไม่มีเวลาดูรายละเอียดถุงยาง ทำให้ใช้ได้ถุงยางได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรืออาจจะซื้อผิดขนาดมาทำให้เกิดปัญหาถุงยางฉีกขาด และทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามมา ซึ่งการซื้อถุงยางผ่าน Internet เราก็ควรใช้มันให้เป็นประโยชน์ควรศึกษาข้อมูลถุงยางแต่ละรุ่นให้ดีก่อนที่จะซื้อ เพราะถุงยาง มีหลากหลายแบบ หลายประเภทให้เลือกใช้มากมายตามความเหมาะสม เพราะฉะนั้น เราควรดูตัวเองว่าชอบถุงยางแบบไหน ถุงยางแบบไหนเหมาะกับเรา เมื่อเราได้ถุงยางที่เหมาะกับเราแล้ว ค่อยทำการสั่งซื้อถุงยางมาใช้ แค่นั้นก็ทำให้เราไม่ต้องไปซื้อถุงยาง ตามร้านทั่วไป ซึ่งบางคนอาจจะไม่กล้าซื้อ นี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการซื้อถุงยางมาใช้แต่ไม่กล้า

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แพ้ถุงยางอนามัย

การแพ้ถุงยางอนามัยส่วนมากเกิดจากการแพ้ยาง (latex allergy) ส่วนน้อยเกิดจากการแพ้สารฆ่าอสุจิ (Spermicide)  ถุงยางอนามัยที่มีขายในท้องตลาดส่วนมากทำจากยางธรรมชาติ    ผู้ใช้มีโอกาสแพ้ถุงยางอนามัยได้ 1-3%  อาการแพ้เกิดได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง  หากแพ้ถุงยางอนามัยจะมีอาการคัน ระคายเคือง มีผื่นแดงขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ  อาการมักเกิดขึ้น 6 – 48 ชม. หลังใช้ถุงยางอนามัย
          อาการแพ้ถุงยางอนามัยสามารถหายได้เอง  การรับประทานยาแก้แพ้สามารถช่วยรักษาและบรรเทาอาการคันได้  ผู้ที่มีอาการแพ้ถุงยางอนามัยควรเปลี่ยนไปใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่น  หรือเปลี่ยนเป็นถุงยางชนิดที่ทำจากสาร polyurethane และไม่ผสมสารฆ่าอสุจิ (Spermicide)
          อาการแพ้อย่างรุนแรงมีโอกาสเกิดน้อยมาก  ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจไม่ออก ความดันโลหิตต่ำ บวม  คลื่นไส้อาเจียน  ในกรณีนี้ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาโดยเร่งด่วน
          บางครั้งอาการที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เกิดจากการแพ้ถุงยางอนามัย  แต่อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การแพ้สบู่ การติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น  หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์สูติ-นรีเวช

หลุยส์ วิตตอง ผลิตถุงยางอนามัยสุดหรู



ลุยส์ วิตตอง งานเข้า! ดีไซเนอร์จอร์เจียผลิตถุงยางอนามัยประทับลายหลุยส์ วิตตอง ก่อนแพร่ภาพกระฉ่อนเน็ต คนทั่วโลกเชื่อ หลุยส์ วิตตอง เปลี่ยนแนว ตีตลาดถุงยางอนามัยสำหรับคนมีระดับ

           เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ไอบีไทมส์ รายงานว่า ถุงยางอนามัย "หลุยส์ วิตตอง" กลายเป็นประเด็นที่กำลังแพร่สะพัดในวงการทวิตเตอร์ ลือหึ่งว่าแบรนด์ดังเปลี่ยนแนว ก่อนสืบสาวพบว่า เป็นผลงานของดีไซเนอร์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อล้อเลียนเท่านั้น ไม่ใช่ของหลุยส์ วิตตองแต่อย่างใด

           โดยถุงยางอนามัยดังกล่าว เป็นถุงยางอนามัยสีน้ำตาลตามแบบฉบับของหลุยส์ วิตตอง และพิมพ์ลาย LV ลงบนพื้นผิวถุงยางด้วย ไม่เพียงแค่นั้น มันยังถูกห่อด้วยซองลายหลุยส์ วิตตอง อีก ทำให้เข้าใจว่าเป็นของหลุยส์ วิตตอง จริง ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน และแน่นอนว่า หลังจากมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกมาแล้ว ก็มีการส่งต่อกันไปตามทวิตเตอร์อย่างกว้างขวาง สร้างความเข้าใจผิดกับผู้ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซ้ำยังมีการระบุอีกว่าถุงยางแบรนด์ดังชิ้นนี้ ราคาสูงถึงชิ้นละ 2,040 บาทเลยทีเดียว

           จากประเด็นดังกล่าว ทำให้มีการสืบสาวหาต้นตอและข้อเท็จจริง และพบว่า ถุงยางอนามัยชิ้นนี้ไม่ใช่ของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง แต่อย่างใด แต่เป็นไอเดียของดีไซเนอร์จอร์เจียนามว่า คิซิเรีย ที่ผลิตถุงยางชิ้นนี้ขึ้นเชิงล้อเลียน เพื่อใช้ในการรณรงค์ในวันเอดส์โลก และหารายได้เพื่อบริจาคให้กับมูลนิธิวิจัยโรคเอดส์ ขณะที่โฆษกหลุยส์ วิตตอง นั้น ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อโครงการนี้

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โป๊ปยอมรับการใช้ถุงยางอนามัย


สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงยอมรับเป็นครั้งแรก การใช้ถุงยางอนามัยเป็นเรื่องยอมรับได้ "ในบางกรณี" อาทิ ใช้เพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอดส์ กระนั้น ทรงยืนยัน การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน โดยใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ไม่ใช่เพศสัมพันธ์ที่เกิดจากความรัก แต่เกิดจากความใคร่มากกว่า

พระสันตะปาปาทรงแสดงมุมมองดังกล่าว ในหนังสือ "แสงสว่างส่องโลก: พระสันตะปาปา พระศาสนจักร และเครื่องหมายแห่งกาลเวลา" หนังสือที่พระองค์ทรงอนุญาตให้ ดร.ปีเตอร์ ซีวัลด์ นักข่าวชาวเยอรมัน สัมภาษณ์ในกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักรคาทอลิก อาทิ คดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในยุโรปและอเมริกา, ปัญหาโรคเอดส์ในแอฟริกา, มุมมองที่พระศาสนจักรมีต่อการใช้ถุงยางอนามัย และการยกเลิกโทษขับไล่ พระสังฆราช 4 องค์ของสมาคมนักบุญปีโอ ที่ 10 โดย "ลอสแซร์วาตอเร่ โรมาโน่" หนังสือพิมพ์ประจำนครรัฐวาติกัน ได้นำบทสัมภาษณ์เรื่องการใช้ถุงยางอนามัย มาเป็นเรื่องโหมโรง ก่อนที่หนังสือจะได้รับการเปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ ในวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน 2010

บทสัมภาษณ์เรื่องถุงยางอนามัย อยู่ในบทที่ 11 โดย ดร.ซีวัลด์ ทูลถามพระสันตะปาปาว่า "พระศาสนจักรคาทอลิกยังคงไม่เห็นด้วยกับการใช้ถุงยางอนามัย ใช่หรือไม่" 

พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "แน่นอน พระศาสนจักรคาทอลิกไม่เคยมองว่า มัน(ถุงยางอนามัย)คือคำตอบที่ถูกต้องทางศีลธรรม แต่ทว่าในบางกรณีก็อาจเป็นข้อยกเว้น อาทิ ผู้ขายบริการทางเพศที่ใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ(เอชไอวี) รวมไปถึงรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนทำลงไป"

"กระนั้นก็ตาม พ่อมองว่า การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน โดยใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ มันไม่ใช่การแสดงออกถึงความรักที่แท้จริง แต่มันเหมือนกับการเสพติดยา เพื่อตอบสนองความใคร่ของตนมากกว่า" ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก ระบุอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ หลังจาก "ลอสแซร์วาตอเร่ โรมาโน่" ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ออกมา สื่อมวลชนทั่วโลกก็มีปฏิกิริยาตอบสนองในทางบวกทันที ไม่ว่าจะเป็น อาทิ เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์ส และ บีบีซี ที่นำเสนอข่าวเชิงว่า "ถึงจะเห็นด้วยแบบช้าไปหน่อย แต่ก็แสดงให้เห็นว่า พระสันตะปาปาทรงเปิดใจกว้างให้วิทยาศาสตร์เดินไปพร้อมหลักความเชื่ออยู่เสมอ"