ถุงยางอนามัยอนามัยเรื่องลี้ลับของ ดูเร็กซ์
|
ตลาดถุงยางอนามัยเป็นเรื่องลี้ลับที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนัก แม้ว่าในปัจจุบันการแข่งขันจะเริ่มเข้มข้น โดยมีหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น แต่ถึงที่สุด เจ้าตลาดอย่าง”ดูเร็กซ์”ก็ยังครอบครองตลาดเป็นรายใหญ่
ที่น่าสนใจคือ จากเดิมที่คิงเท็กและดูเร็กซ์จะเป็นคู่แข่งกัน แต่ปัจจุบันคิงเท็กกลับกลายมาเป็น ซับแบรนด์ให้กับดูเร็กซ์ไปโดยสมบูรณ์
แต่ดั้งเดิมคิงเท็กเป็นแบรนด์ในประเทศ ผลิตโดยบริษัทรอยัลอินดัสตรี ตั้งแต่ปี 2514 และเป็นเจ้าตลาดอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งในปี 2534 ลอนดอนอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยางพารารายใหญ่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยการร่วมทุนกับบริษัทรอยัลอินดัสตรี และเริ่มวางจำหน่าย “ดูเร็กซ์” แต่การทำตลาดก็แยกจากกันกับคิงเท็ก
จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาลอนดอนกรุ๊ปก็ได้ซื้อกิจการทั้งหมดของบริษัทรอยัลอินดัสตรี และการผนวกแบรนด์ทั้งสองเข้าด้วยกันก็เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา
ทั้งดูเร็กซ์และคิงเท็กจึงตกอยู่ภายใต้การทำตลาดของบริษัทเดียวคือ บริษัทลอนดอนรอยัล คอนซูเมอร์โปรดักท์ส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยสมบูรณ์ และเมื่อ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ผลจากการผนวกกิจการระหว่างบริษัทด้านเวชภัณฑ์ในอังกฤษ ทำให้บริษัทลอนดอนรอยัลฯเปลี่ยนชื่อไปเป็นบริษัทเอสเอสแอล เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัดซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นนอกเหนือจากดูเร็กซ์ เช่น รองเท้า Scholl,ไกร๊ปวอเตอร์ และผ้ายืดรัดข้อ “Tubigrip”เป็นต้น
โดยเฉพาะการทำตลาดถุงยางอนามัยนั้น สงวน สรวยจิรวัฒน์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (สินค้าอุปโภค-บริโภค)กล่าวว่า ดูเร็กซ์ครองส่วนแบ่งอยู่ถึง 70% จากตลาดรวม 350 ล้าน
ก่อนหน้านี้ดูเร็กซ์มีซับแบรนด์อยู่แล้วหลากหลาย แต่การเข้ามาของคิงเท็กทำให้การพัฒนาตลาดของดูเร็กซ์ทำได้ง่ายขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น
โดยคิงเท็กนั้นถูกวางไว้ที่เป็นถุงยางอนามัยในตลาดมาตรฐาน มีผู้นิยมซื้อใช้สูงสุด ถ้าเทียบสัดส่วนแล้วคิงเท็กอาจจจะมากว่าดูเร็กทุกซับแบรนด์ ประมาณ 40 ต่อ 30 แต่ในแง่มูลค่าแล้วคิงเท็กจะน้อยกว่าเพราะคิงเท็กมีราคาเพียง 30 บาท ขณะที่ดูเร็กซ์อื่นๆจะสูงกว่า บางแบรนด์ราคา 50 บาท
การทำตลาดในอดีตจะแยกกันโดยชัดเจน โดยคิงเท็กถูกวางไว้เป็นตลาดระดับกลาง และดูเร็กซ์เป็นตลาดพรีเมียม
ปัจจัยสำคัญของการดึงคิงเท็กซ์มาเป็นซับแบรนด์นั้น เป็นผลมาจากการที่บริษัทได้พัฒนาคุณภาพของคิงเท็กซ์ให้ดียิ่งขึ้น การทำลักษณะนี้เป็นเครื่องยืนยันในคุณภาพ เพราะโดยชื่อของดูเร็กซ์นั้นเป็นที่ยอมรับ ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น ทำให้คิงเท็กมีโอกาสขยายตลาดไปได้มากขึ้น
“ คิงเท็กก็มีภาพพจน์เป็นชายหนุ่มบึกบึนเหมือนเดิม แต่ดูทันสมัยขึ้น”สงวนกล่าว
ปัจจุบันดูเร็กซ์มีซับแบรนด์อยู่ถึง 7 ตัว ซึ่งสงวนย้ำว่า เป็นแบรนด์เดียวที่สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ครบถ้วนสมบูรณ์และเจาะตลาดได้ครบทุกเซ็กเม้นท์ โดยทั้ง 7 ซับแบรนด์นั้นประกอบด้วย
เฟเธอร์ไลท์ บางปานกลาง และมีสารโนน็อกซินอล ฆ่าเชื้ออสุจิ,ซีเล็กท์ มี 3 กลิ่นใน 1 กล่องประกอบด้วยชะเอม,กล้วยและส้ม,รุ่นเอ็น 11 บางและมีสารบี 4 และสารโมน็อกซินอล,สตรอเบอร์รี่ ,เอ็กไซตา ผิวไม่เรียบ,แคร์เรส ผิวเรียบ บาง,คอนทูร่า ผิวไม่เรียบ และคิงเท็กมาตรฐาน ผิวเรียบ
ในตลาด 350 ล้าน มีอัตราเติบโตประมาณ 3-5% โดยคนไทยมีอัตราการบริโภค 1.5-2 ชิ้นต่อคนต่อปี ขณะที่ ญี่ปุ่นมีอัตราการบริโภคสูงถึง 9 ชิ้นต่อคนต่อปี ดังนั้นสงวนมองว่า ตลาดน่าจะขยายเพิ่มขึ้นไปได้อีกมาก
โดยที่ผ่านมา พฤติกรรมการบริโภคถุงยางอนามัยของคนไทยแบ่งเป็น การใช้เพื่อเพศสัมพันธ์ในเชิงพาณิชย์หรือ คอมเมอร์เชียลเซ็กซ์ ประมาณ 85% และเพื่อการคุมกำเนิดของคู่สามีภรรยา 15%
แต่พฤติกรรมการบริโภคถุงยางอนามัยของคนไทยมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไป คือคอมเมอร์เชียลเซ็กซ์ 50% แคชชวลเซ็กซ์ (Casaul Sex) 30% และเพื่อคุมกำเนิด 20%
สงวนอธิบายว่า คอมเมอร์เชียลเซ็กซ์มีแนวโน้มลดลงเพราะภาวะเศรษฐกิจ แต่ที่เพิ่มขึ้นมากคือ แคชชวลเซ็กซ์หรือ “เพศสัมพันธ์นอกสมรส” ซึ่งเกิดขึ้นมากในหมู่วัยรุ่น
“เราห่วงใยในสถานการณ์นี้ เพราะวัยรุ่นเริ่มมีทัศนคติในเรื่องเซ็กซ์กลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งผมไม่ได้มองว่าดีหรือไม่ดี ในฐานะผู้ประกอบต้องหาทางรองรับ ในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยแก้ไขปัญหานี้ โดยการให้ความรู้แก่วัยรุ่น”
สงวนกล่าวว่า ดูเร็กซ์เป็นค่ายที่พยายามให้ความรู้ในเรื่องเพศศึกษาแก่วัยรุ่นอย่างต่อเนื่อง และให้ทัศนคติที่ดีแก่พวกเขาไปพร้อมๆกัน ซึ่งถือเป็นภารกิจของบริษัทที่พึงกระทำต่อสังคม
ในแง่การแข่งขันเชิงการตลาดนั้น สงวนกล่าวว่า ผู้บริโภคมีแบรนด์ลอยัลตี้สูงมาก แม้ว่าจะมีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามา ผู้บริโภคอาจจะอยากลอง แต่ถึงที่สุดก็จะกลับมาสู่แบรนด์ที่เขาเชื่อมั่น เพราะการใช้ถุงยางอนามัยหมายถึง ความมั่นใจความปลอดภัยเป็นเรื่องหลัก
“เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องถุงยางอนามัย อะไรก็ได้ แบรนด์ไหนก็ได้ แต่เป็นเรื่องของคุณภาพและความมั่นใจ”
ในตลาดมีคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันที่น่าสนใจคือ แบรนด์ แฟร์,เพลชเชอร์,ดูโอ,วันทัช,ยูโร,ฟูตาริ,บอร์ดี้การ์ด,อพอลโล เป็นต้น แต่คู่แข่งจะมีลักษณะเจาะเป็นเซ็กเม้นท์ๆไป เช่น เจาะตลาดถุงยางอนามัยประเภทกลิ่นรส ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นเพลชเชอร์ ที่เน้นไปที่กลิ่นรสชัดเจน เช่น กลิ่นกล้วยหอม,กลิ่นสตรอเบอร์รี่ เป็นต้น
“ในเซ็กเม้นท์นี้ ดูเร็กซ์มีซีเล็กท์ ซึ่งในกล่องเดียวบรรจุ 3 กลิ่นรสคือ ส้ม,กล้วยหอมและชะเอม”
“ชะเอม” ฟังดูค่อนข้างจะแปลกมาก เพราะไม่นึกว่าใครจะนำรสชะเอมมาเป็นถุงยางอนามัย สงวนอธิบายว่า เป็นถุงยางอนามัยที่มีกลิ่นรสคล้ายเมนทอล และโดยรวมซีเล็กท์ได้รับความนิยมมากในหมู่คนที่ต้องการความแปลกใหม่
ขณะที่หลายแบรนด์พยายามเจาะตลาดคิงเท็ก เพราะเป็นตลาดถุงยางอนามัยประเภทมาตรฐาน ราคาไม่แพง ตลาดมีขนาดใหญ่ แต่คิงเท็กก็ยังเป็นผู้นำในตลาดนี้อย่างเหนียวแน่น
นอกเหนือจากถุงยางอนามัยประเภทมาตรฐานและกลิ่นรสแล้ว ยังมีอีกประเภทคือ ฆ่าเชื้ออสุจิ ซึ่งดูเร็กซ์จะมี N11 และตลาดประเภทพรีเมียม ซึ่งดูเร็กซ์จะมีหลากหลาย เช่น แคร์เรส ซึ่งบางเป็นพิเศษ เป็นต้น
สงวนทำตลาดถุงยางอนามัยมาไม่ต่ำกว่า 4 ปี ตั้งแต่อยู่ที่อินช์เคปและมีโอกาสทำตลาดนี้มาโดยตลอด แม้ปัจจุบันอินช์เคปหรือในชื่อบอร์เนียวก็ยังรับจัดจำหน่ายให้ดูเร็กซ์ เพียงแต่สงวนย้ายมานั่งอยู่ที่เอสเอสแอลฯแล้ว
สงวนจบมาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีฯลาดกระบัง แต่ไปจากเอ็มบีเอและการตลาดจากสหรัฐอเมริกา
สงวนเป็น marketeer คนหนึ่งที่สร้างสีสันให้กับวงการถุงยางอนามัยมาไม่น้อยทีเดียว
|
วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ถุงยางอนามัย ดูเร็กซ์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น